วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาหารสิวๆ ที่สาวๆ ควรระวัง

อาหารสิวๆ ที่สาวๆ ควรระวัง
เรื่องธรรมดาที่ซ่อนความไม่ธรรมดาไว้ เพราะอาหารนอกจากจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว อาหารยังมีส่วนทำให้เกิดโรคและช่วยป้องกันรักษาโรคได้เช่นกัน
ดังนั้นการกินอาหาร จึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ยกตัวอย่างใกล้ตัว อย่าง "สิว" ที่มีคนไข้จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่มีต้นเหตุหรือปัจจัยเสริมของสิวก็มาจากอาหารที่รับประทานนั่นเอง ซึ่งอาหารที่กระตุ้นและก่อให้เกิดสิวมี 3 ประเภทหลัก คือ
1.นม ผลิตภัณฑ์จากนม Daily Product เช่น นมข้นหวาน ชีส โยเกิร์ต ไอศกรีม เค้ก เบเกอรี่ และอาหารที่ผสมของนม เนื่องจากนมเป็นอาหารย่อยยาก เมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดหมักหมมในกระเพาะอาหาร และเกิดการเจริญเติบโตของ Yeast ซึ่งเมื่อเพิ่มมากขึ้นก็จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ แต่ถ้าหากเกรงว่าจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่คอยได้รับจากนม เราสามารถเลือกทานจากอาหารกลุ่มอื่นได้ เช่น ไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ ปลาตัวเล็ก และเนื้อสัตว์ เพื่อทดแทนโปรตีนและแคลเซียมจากนมได้
2. อาหารที่หวานจัด ก็จะเป็นอาหารของยีสต์ในกระเพาะอาหารเช่นเดียวกัน ทำให้ยีสต์เจริญเติบโตได้ และยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้ฮอร์โมนไม่คงที่ ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเพิ่มมากขึ้น
3.คาเฟอีน จากชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลม เป็นตัวกระตุ้นให้ยีสต์เติบโตและเกิดท็อกซินเป็นของเสียในร่างกาย และกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายคนที่มีอาการสิวอักเสบมาก เป็นๆ หายๆ ตลอดเวลา หากทำการรักษามาหลายวิธี แต่สิวก็ยังไม่หายขาด อาจทดลองได้โดยการงดอาหารทั้ง 3 กลุ่ม ดังกล่าวข้างต้น สัก 1-2 เดือน หากผลที่ออกมาทำให้เกิดสิวลดลงหรือไม่เกิดสิวใหม่ ก็เป็นไปได้ว่าคุณอยู่ในกลุ่มที่ถูกกระตุ้นให้เกิดสิวจากอาหารเหล่านี้ และสามารถแก้ไขปัญหาสิวได้ไม่ยากอีกต่อไป

เลิกดื่มน้ำเย็นกันเถอะ

บางครั้งที่เหน็ดเหนื่อยมีเหงื่อมาก กระหายน้ำ การดื่มน้ำเย็นเข้าไปในทันทีอาจไม่ให้ผลดีต่อร่างกายนักการดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วต่อวันจะมีประโยชน์ เพราะน้ำช่วยหล่อลื่นให้ระบบต่างๆทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดี ผิวพรรณสดใส แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ที่อุณหภูมิเดียวกับอุณหภูมิห้อง
การดื่มน้ำเย็นเกินไปเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง กว่าเซลล์จะปรับตัวและขยายตัวเพื่อดูดซึม ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับอุณหภูมิก่อนดูดซึม จึงมักเกิดอาการจุกหน้าอกเมื่อกระหายน้ำแล้วดื่มน้ำเย็นจัดเข้าไป ขณะที่น้ำธรรมดาที่อุณหภูมิห้อง ( 35 ºc ) ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ในระบบหมุนเวียนเลือดได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นอนกรนแก้ไขได้

นอนกรน, นอน, ผักผ่อน, สุขภาพ, ทางเดินหายใจ
นอนกรน เป็นภาวะผิดปกติอย่างหนึ่งของการนอนที่ไม่ควรละเลย เพราะผลกระทบจากการนอนกรนสร้างปัญหาต่อการดำเนินชีวิตและปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย การนอนกรนมีทั้งประเภทที่อันตรายและไม่อันตราย ซึ่งมีลักษณะดังนี้
๑. ประเภทที่ไม่อันตราย คือการกรนที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน ซึ่งจัดเป็นชนิดไม่อันตราย ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ กลุ่มนี้มักมีการอุดกลั้นทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย
๒. ประเภทที่อันตราย เกิดจากการที่มีทางเดินหายใจแคบมากเวลาหลับ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีเสียงกรนไม่สม่ำเสมอ เมื่อยังหลับไม่สนิทจะยังเป็นการกรนที่สม่ำเสมอ แต่เมื่อหลับสนิทจะเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ มีเสียงกรนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยจะมีช่วงที่กรนเสียงดังและค่อยสลับกันเป็นช่วงๆ และจะกรนดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะมีช่วงหยุดกรนไปชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการหยุดหายใจ อันตรายจากการนอนกรนที่มีการหยุดหายใจขณะหลับ ๑. ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกนอนไม่พอ ทำให้เกิดอาการง่วงนอน ซึ่งเป็นผลเสียต่อการเรียน การทำงาน หรือเกิดอุบัติเหตุในการขับรถหรือการควบคุมเครื่องจักรกล ๒. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสามารถในการจดจำลดลง หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ
๓. มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆมากขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง เช่น อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด (อาจทำให้เสียชีวิตทันที เพราะหัวใจทำงานผิดปกติขณะเกิดภาวะหยุดหายใจในช่วงนอนหลับ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าไหลตาย) ได้มากกว่าคนปกติ เป็นเหตุให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
๔. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
การรักษาการนอนกรน
๑. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์
๒. ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรง
๓. หลีกเลี่ยงการนอนหงาย โดยพยายามนอนในท่าตะแคงข้าง และนอนศีรษะสูงเล็กน้อย
๔. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับ หรือยากล่อมประสาทก่อนนอน
๕. กรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตรายที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย รักษาโดย - เครื่องช่วยหายใจ เป็นเครื่องครอบจมูกขณะหลับ เพื่อทำให้หายใจสะดวกขึ้น วิธีนี้ปลอดภัยและได้ผลดีในผู้ป่วยเกือบทุกราย - จี้กระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวลง โคนลิ้นหดตัวลง - การผ่าตัวเอาส่วนที่ยืดยานออก อาการนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงการส่งเสียงที่สร้างความรำคาญเท่านั้น แต่อันตรายจากการนอนกรนอาจรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจและนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้ หากสังเกตุเห็นคนใกล้ตัวมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการนอนกรนควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษา

อาหารเช้าเพื่อสุขภาพสำหรับคุณๆ

อาหารเช้าเพื่อสุขภาพสำหรับคุณๆ


การได้ทราบว่า หลักการทานอาหารเช้าอย่างถูกวิธีนั้น เป็นสิ่งที่ดีและเป็นกำไรชีวิตอย่างดียิ่ง เนื่องจากหากเรารู้เคล็ดลับแล้ว การทำตามเคล็ดลับ เพื่อนำไปสู่ความสาว สุขภาพดีก่อนใคร ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าแล้วเราจะต้องทานอะไรล่ะ ถึงจะเรียกว่า รู้เคล็ดลับการทานอาหาร ที่เรียบง่าย แต่ทรงคุณค่า หรือ ได้สมดุลตามที่ร่างกายต้องการ วันนี้มีรายการอาหารเช้าเพื่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ 5 อย่างต่อไปนี้คือทางเลือกใหม่สำหรับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่ไม่มีเวลาทำอาหารเช้า แต่อยากรักษาสุขภาพให้สมดุล


ขนมปังปิ้ง
อาหารเช้ายอดฮิตที่ใช้เวลา ปรุงเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น แถมยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกไม่สิ้นสุด ขนมปังปิ้งกับแยมรสโปรดก็ใช่ ขนมปังปิ้งทาเนยก็ชอบ หรือจะเป็นขนมปังปิ้งจิ้มน้ำผึ้งก็ไม่เลว แต่เพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้นควรเลือกขนมปังโฮลวีทหรือ ขนมปังธัญพืชเป็นส่วน ประกอบหลัก The American Dietetic Association ให้คำแนะนำว่าใน 1 วัน ควรรับประทานขนมปัง เพื่อสุขภาพอย่างน้อย 3 แผ่น และการรับประทานขนมปังโฮลวีทกับเนยถั่วยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้นด้วย


ผลไม้สด
ผลิตผล จากธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามินอันทรงคุณค่า เหมาะกับชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าเป็นอย่างยิ่ง ส้ม 1 ผลให้สารไฟเบอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 3 กรัม โปรตีน 1 กรัม และพลังงานจำนวน 60 แคลอรี กล้วย 1 ลูกนอกจากจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์แล้ว ยังมีธาตุโพแทสเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของแรงดันโ ลหิตอีก 400 มก. คราวหน้าถ้าคุณสาวๆ บอกกับตัวเองว่า ‘ไม่มีเวลากินอาหารเช้า' อีกละก็แค่เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบแอปเปิลมากัดสักสองสามคำ ร่างกายก็จะได้รับสารไฟเบอร์ไป 4 กรัม และพลังงานอีก 60 แคลอรีเพียวๆ โดยไม่เสียเวลาแต่อย่างใด


ซีเรียล
แม้จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ซีเรียลก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่สะดวกและเปี่ยม ไปด้วยคุณค่าทาง โภชนาการที่เหมาะกับยามเช้าอันแสนเร่งรีบ แค่รับประทานซีเรียลผสมนมพร่องมันเนยถ้วยเดียวคุณก็ไ ด้รับธาตุไฟเบอร์แบบเต็มๆ ไปแล้วอย่างน้อย 4 กรัม น้ำตาลอีก 10 กรัม แถมไขมัน 0% อีกต่างหาก


เครื่องดื่มจำพวกสมู้ทตี้
อาหารเช้าอันแสนเพอร์เฟคสำหรับสาวที่ไม่ชอบ เคี้ยว ถ้าคุณมีเวลาชงกาแฟแล้วละก็ขอแนะนำให้คุณหันมาดื่มเค รื่องดื่มจำพวกนี้แทนดี กว่า แค่เอาผลไม้ที่เหลือในตู้เย็นเติมนมไปนิด น้ำแข็งสักก้อนสองก้อนมาปั่นรวมกัน ก็ได้อาหารเพื่อสุขภาพแล้ว แถมยังได้ความสดชื่นเป็นโบนัสยามเช้าอีกด้วย


ข้าวโอ๊ต
สุดยอดอาหารมหัศจรรย์ที่ใช้เวลาปรุงเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น เพียงเติมน้ำร้อนก็พร้อมรับประทาน ข้าวโอ๊ต 1 ซองอุดมไปด้วยธาตุไฟเบอร์ 3 กรัม และให้พลังงาน 150 แคลอรี แถมยังช่วยลดคอเลสเทอรอล และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : นิตยสาร first magazine

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

งานวันครู ' 53


วันที่ 16 มกราคม 2553  บุคลากร กศน.บัวใหญ่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมงานวันครู ' 53  และได้เข้ารับมอบเกียรติบัตร จำนวน 4 ราย  ได้แก่  นางอินทิรา  สงวนวงษ์ ผอ.กศน.บัวใหญ่ , นางสาวรัศมี  ศรีภิบาล , นางสาวพรทิพย์  ชวนโพธิ์  และนางสาวนิภา  ติระวัฒนศักดิ์  ครู กศน.บัวใหญ่

งานกศน.บัวใหญ่

 
นางอินทิรา  สงวนวงษ์  ผอ.กศน.อำเภอบัวใหญ่
ร่วมประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน  ในวันที่ 5  ตุลาคม  2553
ณ หอประชุมอำเภอบัวใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องการรับสมัครนักศึกษา
ในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา  2553

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำผักสุขภาพ (สูตรในวัง) แก้โรคมะเร็ง

น้ำผักสุขภาพ (สูตรในวัง) แก้โรคมะเร็ง
สูตรน้ำผลไม้ที่ได้จากข้าหลวงประจำพระองค์ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
นะคะ เป็นสูตรที่ในวังกำลังนิยมกันมาก ในหลวงทรงเสวยทุกวัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคมะเร็งจะดีมากค่ะ มีคนแถวบ้านเป็นมะเร็ง อายุประมาณ 80 กว่าแล้ว ค่ะ ต้องให้คีโม แต่ปรากฏว่าพอรับประทานน้ำผลไม้สูตรนี้ไปเป็นเวลาประมาณไม่ถึง 1 เดือน ปรากฎแข็งแรงขึ้นมาก จนหมอตกใจ ลองนำไปปั่นทานกันดู ... น่าจะดีต่อสุขภาพและราคาไม่แพงมากด้วย
สูตรน้ำผักผลไม้
1.แอปเปิ้ล 1 ผล
2.แครอท 1 ลูก
3.ผักสลัด(ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
4.ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
5.มะนาว 1 ลูก
6.น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว
(ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
7.น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
8.น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
9.ฝรั่ง 1 ผล
10.มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
11.น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
นำทุกอย่างมาปั่นรวมกันค่ะ สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร ในกรณีที่เป็นคนป่วย ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน

ปวดท้องเมนส์ พิชิตง่ายไม่ต้องพึ่งหมอ

ปวดท้องเมนส์ พิชิตง่ายไม่ต้องพึ่งหมอ
สาว ๆ ที่ประสบปัญหาทางร่างกายที่แตกต่างกันไปในการเกิดรอบเดือนแต่ละครั้ง วันนี้มีวิธีแก้ง่ายๆ ของแต่ละอาการมาเล่าสู่กันฟัง
สำหรับคนที่มีรอบเดือนแล้ว เจ็บหน้าอก ให้เลือกทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง แซลมอนหรือไม่ก็กล้วยปั่นแก้วโตๆ ใส่น้ำเชื่อมน้อยๆ เพื่อช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนที่จะบรรเทาอาการปวดบวมที่หน้าอก
สาวๆ ที่รอบเดือนมักมาพร้อมกับการ ปวดท้อง ควรเลือกทานอาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ผักโขม ยำปลาใส่กระเทียมเยอะๆ หรือไม่ก็พวกถั่วทั้งหลายยิ่งมากยิ่งดี สารอาหารนี้จะช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในช่องท้องส่วนคนที่มักเกิดอาการ ตัวบวม น้ำเท่านั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดวัน และงดการทานอาหารเค็มจนกว่าจะหมดรอบเดือน
ความหงุดหงิด ที่มาพร้อมกับประจำเดือน แก้ได้ด้วยการทานอาหารที่มีแคลเซียม อาทิ นมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ชีส เต้าหู้ ผักคะน้า ฯลฯ หมั่นทานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยปรับฮอร์โมนให้คงที่ อารมณ์แปรปรวนก็จะค่อยๆหายไป
แค่เลือกทานอาหารให้ถูกหลัก ก็ไม่ต้องมานั่งทรมานกับปัญหาจากรอบเดือนอีกต่อไป

วิธีทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า

วิธีทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า
ผิวหน้าที่สะอาดจะทำให้เราแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น สวยขึ้น ฉะนั้นการดูแลรักษาอุปกรณ์แต่งหน้าไม่ให้มีเชื้อโรคสะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ เรามีวิธีมาแนะนำ
1.ทัฟฟ์กับฟองน้ำ
- เริ่มจากการนำมาล้างน้ำอุ่นก่อนรอบนึง เพื่อชะล้างผงแป้งและสิ่งสกปรกเบื้องต้น
- จากนั้นบีบแชมพูหรือสบู่เหลวลงไปบนพัฟฟ์หรือฟองน้ำ แล้วบีบให้เกิดฟองขาวจนกลายเป็นคราบน้ำสีน้ำตาล
- หากยังไม่สะอาดให้แช่ลงไปในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำสบู่อีกที ขยี้ทัฟฟ์กับฟองน้ำอย่างเบามือเพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกให้หมด
- เมื่อสะอาดเป็นที่พอใจแล้วก็นำมาบีบล้างน้ำธรรมดาให้ฟองออกจนหมด จากนั้นก็บีบให้แห้งแล้วนำไปวางบนผ้าขนหนูเพื่อซับน้ำออกให้แห้งหมาด
- นำไปผึ่งลมให้แห้งสนิท ซึ่งอาจผึ่งไว้บนผ้าขนหนูก็ได้ หรือจะนำไปวางไว้บนตะแกรงที่โปร่งและสะอาด แนะนำว่าไม่ควรใช้ไม้หนีบมาหนีบและไม่ควรตากแดด ใช้อากาศและลมพัดตามธรรมชาติดีที่สุด
2. แปรงหรือพู่กันแต่งหน้า
- แปรงหรือพู่กันที่ปัด เช่น แปรงปัดแก้ม แปรงปัดผงแป้ง พู่กันทาอายแชโดว์ แปรงปัดไฮไลท์ ควรเคาะเอาเศษผงออกก่อน แล้วปัดขนแปรงไปมากับทิชชู่เพื่อช่วยเอาฝุ่นออก พู่กันทาปาก ควรใช้ทิชชู่เนื้อบางๆ ทั่วไปเช็ดคราบลิปสติกออกก่อน แปรงฟองน้ำ ควรล้างน้ำเอาผงอายแชโดว์ออกก่อนเหมือนกับการล้างทัฟฟ์และฟองน้ำแต่งหน้า
- จุ่มเฉพาะขนแปรงไม่เกินหัวแปรงลงในน้ำสบู่แล้วแกว่งไปมา ใช้บีบขนแปรงเบา ๆ ตามทิศทางของเส้นขนเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกออก ไม่ควรจุ่มลึกไปแบบเปียกทั้งตัวแปรง
- ล้างน้ำเปล่าให้สะอาดแล้วสลัดน้ำออกจากแปรง จากนั้นนำมาซับน้ำบนผ้าขนหนู ก็จัดทรงแปรงให้เข้าที่แล้วห่อทิชชู่อย่างหนาไว้เพื่อตากให้แห้ง หรือจะผึ่งไว้บนผ้าขนหนูเหมือนเดิมก็ได้
3. ที่ดัดขนตา
เริ่มจากนำสำลีชุบน้ำยาเช็ดรอบดวงตามาขัดถูตรงส่วนที่เป็นโลหะ เสร็จแล้วเช็ดออกด้วยทิชชู่ ส่วนเนื้อยางควรหมั่นดูแลและเปลี่ยนทุก 3 เดือน
ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้อุปกรณ์แต่งหน้าจะสะอาดปราศจากโรคได้แล้ว.

เคล็ดลับใส่กางเกงยีนส์ให้ดูผอมสวย

เคล็ดลับใส่กางเกงยีนส์ให้ดูผอมสวย
สาวๆ ขาลุยที่ชอบใส่กางเกงยีน แต่ขาดความมั่นใจทุกครั้งเมื่อมีคนทักถึงส่วนเกินของเรียวขา วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำ
เริ่มจากวิธีง่าย ๆ คือ เลือกใส่กางเกงยีนส์สีเข้ม คู่กับรองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าส้นสูงโทนสีเข้ม เลือกสีที่เหมาะสมกับกางเกง แค่นี้ก็จะช่วยให้ขาดูยาวและรูปร่างดูเพรียวขึ้นได้
อีกหนึ่งวิธีคือ เลือกขนาดกระเป๋ากางเกงให้เหมาะสม ถ้ากางเกงตัวใหญ่ กระเป๋ากางเกงก็ควรจะใหญ่ด้วย เพราะถ้ากระเป๋าขนาดเล็กมาอยู่บนกางเกงตัวใหญ่ กางเกงตัวนั้นจะยิ่งดูไซส์ใหญ่ขึ้น
ช่วงระยะทางจากปลายขากางเกงกับรองเท้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะขากางเกงที่ยาวจนเหลือช่องว่างระหว่างกางเกงกับรองเท้าน้อย จะทำให้ดูเพรียวมากขึ้น
ที่สำคัญอย่าพยายามสวมกางเกงที่ไซส์เล็กเกินกว่าขนาดจริงของตัวเอง เพราะจะทำให้ดูอ้วนเตี้ย ตัน แถมยีนส์ตัวเล็กยังทำให้พุงปลิ้นและช่วงขาปริไม่น่ามอง

เครื่องดื่มสูตรสำเร็จขับลม

เครื่องดื่มสูตรสำเร็จขับลม
เวลามีลมเกินจะรู้สึกไม่สบายตัวช่างน่ารำคาญใจ ให้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ใช้คุณประโยชน์จาก บลูเบอร์รี่ เกรปฟรุต แอปเปิ้ล และขิง เป็นตัวช่วยขับลม แถมยังมีสรรพคุณป้องกันมะเร็งร้ายอีกต่างหาก
ตามธรรมเนียม ‘กินดี’ ก็ต้องรู้จักคุณค่าของส่วนผสมในสูตรนี้ก่อน เริ่มจาก ‘แอปเปิ้ล’ มีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้แอปเปิ้ลช่วยลดเครียด ทำความสะอาดตับ ไต กระเพาะอาหารและลำไส้ ทั้งยังช่วยย่อยอีกด้วย
ต่อมา ‘บลูเบอร์รี่’ มีแคลเซียม แมกนีเซียม โครเมียม กรดไบโอทิน กรดโฟลิก กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก วิตามินบี1 บี2 และบี6 วิตามินซี ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีคุณสมบัติป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น
‘เกรปฟรุต’ อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี กรดซิตริก ไบโอฟลาโวนอยด์ กรดซาลิไซติก ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยทำความสะอาดร่างกาย ขณะที่ ‘ขิง’ ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่า มีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ส่วนผสมต้องเตรียมตามสัดส่วนต่อไปนี้....
•บลูเบอร์รี่ 2 ถ้วย
•เกรปฟรุต 1 ถ้วย
•ขิง 1 แง่งเล็ก
•แอปเปิ้ล 1 ถ้วย
•น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
วิธีปรุง เริ่มที่ทำความสะอาดแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า โดยไม่ต้องเอาแกนหรือเมล็ดออก ส่วนขิงให้ปอกเปลือกแล้วจึงทุบพอแตก และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ สำหรับเกรปฟรุตนั้นหั่นพอหยาบ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เทใส่แก้วเติมน้ำแข็ง ดื่มทันที.

5 วิธีระงับความโกรธ...

5 วิธีระงับความโกรธ
ความโกรธ’ เป็นอารมณ์ที่น่ากลัว เพราะหากควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว สิ่งที่ตามมาจะส่งผลเสียไม่น้อย วันนี้  มี 5 วิธีระงับความโกรธ มาแนะนำ
   
1 พาตัวเองออกจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด
   
2 หาที่ปรึกษาหรือคนที่ไว้ใจได้ ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจให้ฟัง เพราะการระบายเป็นการผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่มี
3 เบี่ยงเบนความสนใจ โดยหันไปทำกิจกรรมที่ชอบ เพราะจะได้ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ทำให้โกรธ
4 นอนหลับ เพราะจะได้ลืมเรื่องที่ทำให้ขุ่นหมองใจ
5 ให้อภัย เป็นวิธีการที่ยากที่สุด แต่ถ้าทำได้แสดงคุณคือผู้ชนะอย่างแท้จริง
ผู้หญิงสวยๆ ต้องอย่าโกรธง่าย ความโกรธจะทำให้หน้าเหี่ยวย่น...ไม่งามแน่นอน.

โรคไข้เลือดออกภัยร้ายใกล้ตัว

โรคไข้เลือดออก
(Denque Fever/ Denque Hemorrhaqic Fever)
               
                ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง พบมากในฤดูฝนเพราะมียุงเพิ่มมากขึ้น   ทำให้มีไข้ร่วมกับมีเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โรคนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

                หลังจากถูกยุงลายกัดประมาณกี่วันจึงจะแสดงอาการของไข้เลือดออก?
                ยุงลายที่เป็นพาหะของโรค จะเป็นยุงที่อาศัยอยู่ภายในบ้านและรอบๆ บ้าน ดูดกินเลือดคนเป็นอาหารและกัดเฉพาะเวลากลางวันประมาณ 4 – 6 วัน หลังจากถูกกัด อาการของโรคจะปรากฏให้เห็น   บางรายอาจเร็วหรือ    ช้ากว่านี้   เร็วที่สุด 3 วัน   ช้าที่สุด 14 วัน

                จะทราบได้อย่างไร ว่าเป็นไข้เลือดออก?       
1.       มีไข้แต่อาการไม่รุนแรง ลักษณะไข้สูงแบบเฉียบพลัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้นตามตัว สามารถมองเห็นได้
2.       มีไข้สูงและมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยดังนี้
2.1.   ระยะไข้: ไข้สูง 39 c – 40 c บางรายอาจถึงชักได้ ไข้ลอยอยู่ 2 – 7 วัน หน้าจะแดง   และตาอาจจะแดงด้วย   ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหลหรือไอ มีส่วนน้อยที่มีอาการไอแบบไม่มีเสมหะ
2.2.   ระยะเลือดออก:   จะพบในวันที่ 3 – 4 ของโรค  ไข้จะลดลง ตัวเย็น ผื่นขึ้น ผู้ป่วยจะซึมลง อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล    เลือดออกตามไรฟัน ท้องอืด  ตับโต  เบื่ออาหาร  อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร   ซึ่งผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นเลือดเก่าๆ หรือถ่ายอุจจาระสีดำ อาการอาจรุนแรงถึงช็อก หมดสติ
2.3.     ระยะพักฟื้น:   จะฟื้นไข้เร็ว และจะหายภายใน   2 – 3 วัน     รวมระยะเวลาของโรคประมาณ      7 -10 วัน


การดูแลผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออก
               
                ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลทุกรายโดยเฉพาะในระยะแรก ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดนี้ การรักษาเป็นแบบตามอาการและประคับประคอง โดยปฏิบัติดังนี้
1.     ระยะที่มีไข้สูงควรเช็ดตัวลดไข้ ในรายที่เคยมีประวัติชัก  หรือปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามตัว  อาจจำเป็นต้องให้ยาลดไข้ โดยใช้ยาพาราเซตาเธกเธญเธฅ  ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน  หรือไอบูโพรเฟน   เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
2.     ให้น้ำชดเชย เพราะผู้ป่วยอาจมีภาวะขาดน้ำ  เนื่องจากมีไข้สูง เบื่ออาหารและอาเจียน ควรให้ดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่  ในรายที่อาเจียน  ควรให้ดื่มครั้งละน้อยๆ  และดื่มน้ำบ่อยๆ
3.     ติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด   ควรมาพบแพทย์เป็นระยะๆ   เพื่อตรวจดูระดับของความเข้มข้นเลือดและเกล็ดเลือด  ถ้าเกล็ดเลือดต่ำ  เลือดจะออกง่าย   ทำให้มีเลือดออกตามจุดต่างๆ  ของร่ายกาย   ระยะที่เกิดอาการช็อกส่วนใหญ่จะประมาณวันที่ 3 ของโรค (เวลาที่เกิดอาการช็อกแตกต่างกันไปแล้วแต่ระยะเวลาของไข้)    อาการนำของช็อกได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน/  ถ่ายเป็นเลือด  ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่าย   มือเท้าเย็น  พร้อมๆกับไข้ลดลง    ถ้าพบอาการเหล่านี้ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล แต่หากเป็นชนิดที่ไม่รุนแรงอาการจะดีขึ้นในเวลา   5 – 7 วัน
4.     ผู้ป่วยอาจยังมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าระดับปกติ แม้ว่าอาการจะดีขึ้น และออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตาม จึงควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกอย่างรุนแรงต่อไปอีก 3 – 5 วัน
5.       หากผู้ป่วยมีอาการปกติ    สามารถไปโรงเรียนหรือทำงานได้
6.       ถ้าคนในบ้านมีไข้สูงควรพามาพบแพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อไวรัสเช่นเดียวกับผู้ป่วย

จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ได้อย่างไร

การป้องกันทำได้ 2 วิธี คือ
1.     ป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด   ซึ่งยุงลายนี้จะกัดในเวลากลางวัน ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น   ทายากันยุงที่สกัดจากพืชธรรมชาติ
2.     กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป     ยุงลายจะเพาะพันธุ์ในน้ำใส ดังนั้นส่วนใหญ่สถานที่เพาะพันธุ์ยุงลาย จะเป็นภาชนะที่เก็บน้ำใช้ในบ้าน เช่น โอ่งน้ำ ถ้วย รองขาตู้กันมด  แจกันดอกไม้  ภาชนะนอกบ้านที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายกระทำได้โดย
·       ภาชนะที่ใช้เก็บน้ำต้องมีฝาปิด
·       ใช้ทรายอะเบทใส่ในภาชนะขังน้ำไว้ใช้เพื่อทำลายไข่ยุง (ซึ่งสามารถรับได้ที่สถานีอนามัย)
·       ทำลายภาชนะที่ไม่จำเป็น เพราะอาจมีน้ำขังได้
·       พ่นละอองยา ทำลายยุงลาย

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่ต้องควบคุม โดยสถานพยาบาลทุกแห่งจะรายงานการพบโรคให้กองควบคุมโรคติดต่อ   กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการควบคุมโรค  ด้วยการพ่นสารเคมี  เพื่อกำจัดยุงลายตัวแก่ ซึ่งจะดำเนินการให้หลังจากได้รับแจ้งจากสถานพยาบาลว่า  มีผู้ป่วยบริเวณนั้น 
สถานพยาบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
50 พหลโยธิน ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. 0-2579-0030, 0-2579-0113 ต่อ 1281-2
http://www.inf.ku.ac.th